บทความนี้ เราจะมาดูในเรื่องของการคิดค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินกันนะค่ะ เนื่องจากทรัพย์สินถาวรเป็นบัญชีที่มีความพิเศษกว่าบัญชีทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น วัตถุดิบหรือสินค้าคงเหลือ นั่นคือ ทรัพย์สินถาวรมีการเสื่อมสภาพ และสามารถนำค่าที่เกิดจากการเสื่อมสภาพมาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้  ในโปรแกรม Express คุณสามารถบันทึกรายการทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณครอบครองอยู่ ซึ่งโปรแกรมจะคำนวณค่าเสื่อมราคาและบันทึกบัญชีให้โดยอัตโนมัติ บางท่านอาจจะยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการคำนวณค่าเสื่อมของตัวโปรแกรมใน แต่ละวิธี ว่ามีหลักการในการคำนวณในรูปแบบไหน  จึงขออธิบายหลักการในการคำนวณค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินในแต่ละวิธี ดังนี้ 1. วิธีเส้นตรง (Straight-Line Method) คิด ค่าเสื่อมโดยเอาอายุการใช้งานเป็นจำนวนปีมาหาร  ทำให้ได้ค่าเสื่อมราคาเท่ากันทุกปี เป็นวิธีที่นิยมใช้กัน ตัวอย่างเช่น  คอมพิวเตอร์มูลค่า 10,100.-  มูลค่าซาก 100.-  อายุการ ใช้งาน 5 ปี ดังนั้นอัตราค่าเสื่อม = 100/5 = 20.00% ค่าเสื่อมราคา จะเป็นดังนี้
 
   โปรแกรมจะคำนวณโดยใช้สูตรการคำนวณดังนี้   (ราคาซื้อ - ราคาซาก) *  %อัตราค่าเสื่อม กรณีคิดค่าเสื่อมรายเดือน ถ้าเป็นกรณีที่คำนวณค่าเสื่อมราคาเป็นรายเดือน แล้ววันที่ซื้อหรือวันที่เริ่มคำนวณค่าเสื่อม อยู่ระหว่างเดือน (คือ ไม่ได้คิดค่าเสื่อมราคาทั้งเดือน) โปรแกรมจะคำนวณโดยใช้สูตรการคำนวณดังนี้   (ราคาซื้อ - ราคาซาก) *  %อัตราค่าเสื่อม / จำนวนวันทั้งหมดในปีนั้น * จำนวนวันในเดือนที่คิดค่าเสื่อมราคานั้น ตัวอย่าง  เช่น  ซื้อคอมพิวเตอร์ วันที่ 15/01/50 เริ่มใช้วันที่ 15/01/50 ราคา 25,000 บาท ราคาซาก 1 บาท  อายุการใช้งาน 5 ปี  อัตรา 20% ดังรูป
 
   โปรแกรมจะคำนวณค่าเสื่อมของเดือนแรกที่มีการซื้อดังต่อไปนี้  (25,000 -1) *20% / 365 *17 = 232.87  แสดงให้เห็นดังรูป
 
  
  2.  วิธีลดยอด (The Constant Percentage of Declining Book-Value Method) หรือเรียกเต็มๆ  ว่า วิธีอัตราคงที่ของราคาตามบัญชีที่ลดลง วิธีนี้จะคำนวณหาอัตราค่าเสื่อมราคาที่คงที่ไว้ แล้วนำอัตรานั้นมาคูณกับราคาตามบัญชี ณ วันต้นรอบบัญชีของปีนั้นๆ เพื่อให้ได้ค่าเสื่อมประจำปี สูตรการหาอัตราค่าเสื่อมราคาคงที่   =   100 x (1 - รากที่ n ของ (ราคาซาก/ราคาทุน)) โดยที่  n = จำนวนปี ตัวอย่างเช่น เครื่องจักรมูลค่า 10,100.-     มูลค่าซาก 100.-   อายุการใช้งาน 5 ปี ดังนั้นอัตราค่าเสื่อมราคาคงที่    = 100 x (1 – รากที่ 5 ของ (100/ 10,100))                                       = 100 x (1 - .397))                                       = 60.27 ค่าเสื่อมแต่ละปีจะเป็นดังนี้
 
   ** หมายเหตุ : การคำนวณด้วยวิธีนี้ หากราคาซากกำหนดไว้น้อย  จะมีผลทำให้เปอร์เซ็นอัตราค่าเสื่อมสูงขึ้นมาก  ดังนั้นจึงควรกำหนดราคาซากให้เหมาะสมตามจริง (ไม่ใช่กำหนดเป็น 1 บาท)
  3.  คิดค่าเสื่อมต่อปีเอง เป็นการคิดค่าเสื่อมจากผลผลิต หรือ ชั่วโมงทำงาน  วิธีนี้โปรแกรมจะไม่คำนวณค่าเสื่อมให้ คุณจะต้องป้อนตัวเลขค่าเสื่อมราคาเข้าไปเอง โดยคลิกที่แท็บค่าเสื่อมรายเดือน , คลิกปุ่มแก้ไข แล้วป้อนค่าเสื่อมแต่ละงวดเข้าไปเอง
  การคิดค่าเสื่อมในกรณีพิเศษต่างๆ 1.  ค่าเสื่อมเบื้องต้น นอกจากการคิดค่าเสื่อมตามวิธีการข้างต้นแล้ว  ตามกฎหมายใหม่ พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่395)  ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2545  เป็นต้นไป  กำหนดให้ทรัพย์สินบางประเภท สามารถหักค่าเสื่อมเบื้องต้นในวันที่ได้ทรัพย์สินมา ในอัตราต่อไปนี้ จึงต้องมีการกำหนดให้ป้อนค่าเสื่อมราคาเบื้องต้น ที่คำนวณเป็นเงินแล้วในช่องค่าเสื่อมเบื้องต้นเอาไว้ด้วย  เพื่อโปรแกรมจะนำไปใช้ในการคำนวณค่าเสื่อมราคาส่วนที่เหลือให้เอง และเมื่อปิดประมวลผลสิ้นปีโปรแกรมจะนำยอดค่าเสื่อมหรือค่าสึกหรอในปีนั้น บวกด้วยค่าเสื่อมเบื้องต้น เพื่อบันทึกเป็นยอดค่าเสื่อมสะสมยกมาปีใหม่ (แต่โปรแกรมจะไม่ลบยอดค่าเสื่อมเบื้องต้นนี้ทิ้ง  เพราะว่าในปีถัดไปจะเก็บไว้คำนวณมูลค่าทรัพย์สิน  ดังนั้นห้ามลบยอดเงินในช่องนี้ออกค่ะ)
  2.  ทรัพย์สินที่ถูกจำกัดการคำนวณค่าเสื่อม กรณี ทรัพย์สินที่นำมาบันทึก เป็นทรัพย์สินที่ถูกจำกัดการคำนวณค่าเสื่อมราคาตามกฎหมาย  เช่น รถยนต์ที่มีมูลค่าเกิน 1 ล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายจะยินยอมให้คำนวณค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ในกรณีนี้ ให้คุณบันทึกข้อมูลตามวิธีการดังต่อไปนี้ โดยในส่วนของราคาซื้อให้ป้อนมูลค่าตามที่ซื้อมาจริง ตัวอย่างเช่น ซื้อรถยนต์ 1 คัน ราคา 1,500,000 บาท ให้คุณป้อนในช่องราคาซื้อ 1,500,000 บาท ส่วนที่เกินอีก 500,000 บาท ให้นำไปป้อนไว้ในช่องราคาซาก ซึ่งจะทำให้โปรแกรมคำนวณค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าทรัพย์สินเพียง 1,000,000 บาทเท่านั้น กรณีข้างต้นนี้สามารถบันทึกข้อมูลในหน้าจอทรัพย์สินถาวรได้ดังรูป
 
      |